บริษัท หลักทรัพย์จัดการกองทุน อเบอร์ดีน (ประเทศไทย) จำกัด

ประกาศความเป็นส่วนตัว

คำจำกัดความ

“ท่าน” ลูกค้า
“บริษัท”, “ของบริษัท” บริษัท หลักทรัพย์จัดการกองทุน อเบอร์ดีน (ประเทศไทย) จำกัด
“ลูกค้า” ลูกค้าทั่วไป,คู่ค้าทางธุรกิจ และทุกภาคส่วนที่ติดต่อทำธุรกรรมกับบริษัท
“ข้อมูลส่วนบุคคล” ความหมายเดียวกันกับ"ข้อมูลส่วนบุคคล"ที่ถูกกำหนดไว้ในพระราชบัญญัติข้อมูลส่วนบุคคลของประเทศไทย พ.ศ.2562 (2019) ("PDPA")ซึ่งรวมถึง ชื่อ, อีเมล, รหัสไปรษณีย์วันเกิด, เบอร์โทรศัพท์, หมายเลขบัตรประชาชน, และข้อมูลอื่นที่สามารถระบุตัวตนของลูกค้าได้
“ใช้”, “ดำเนินการ” ความหมายเดียวกันกับ"การดำเนินการ"ที่ถูกกำหนดไว้ในพระราชบัญญัติข้อมูลส่วนบุคคลของประเทศไทย พ.ศ.2562 (2019) ("PDPA")ซึ่งหมายรวมถึง การเก็บรวบรวม,การนำไปใช้,การเก็บรักษา,การเปิดเผยเป็นต้น

ข้อมูลทั่วไป

บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน อเบอร์ดีน (ประเทศไทย) จำกัด มุ่งมั่นที่จะคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลใด ๆ ที่ท่านที่ได้ให้ไว้กับบริษัท บริษัทให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัวอย่างจริงจัง บริษัทจะรวบรวมและใช้ข้อมูลส่วนบุคคลในกรณีที่จำเป็นและชอบด้วยกฎหมายเท่านั้น

ประกาศนโยบายความเป็นส่วนตัวนี้ใช้กับบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน อเบอร์ดีน (ประเทศไทย) จำกัด โดยกล่าวถึง ข้อมูลที่บริษัทเก็บรวบรวม การนำข้อมูลไปใช้ บุคคลที่บริษัทได้นำส่งข้อมูลให้และวัตถุประสงค์ในการเปิดเผยข้อมูล และทางเลือกและสิทธิของท่านในข้อมูลส่วนตัวที่ท่านได้ให้ไว้กับบริษัท

บริษัทจะมีการปรับปรุงประกาศนโยบายความเป็นส่วนตัวอยุ่เสมอ ดังนั้นโปรดตรวจสอบเว็บไซต์ของบริษัทสำหรับการ อัปเดตเป็นครั้งคราว หากมีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญเกี่ยวกับวิธีที่บริษัทจัดการข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน บริษัทอาจจะติดต่อท่านเพื่อแจ้งให้ท่านทราบ

ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทเก็บรวบรวมและนำมาใช้

ข้อมูลที่บริษัททำการเก็บรวบรวมและอาจนำมาใช้ ประกอบด้วย

  • ข้อมูลส่วนบุคคลทั่วไปเพื่อวัตถุประสงค์ในการระบุตัวตนและความปลอดภัย เช่น ชื่อ/นามสกุล, วันเกิด, เพศ, สถานภาพสมรส, ประเทศเกิด, บัตรประจำตัวประชาชน, สัญชาติ, หมายเลขหนังสือเดินทาง, วันหมดอายุและสถานที่ออกเอกสาร, อาชีพ และรายละเอียดการจ้างงาน ได้แก่ ตำแหน่งงาน, เงินเดือน และที่อยู่ของนายจ้าง
  • ข้อมูลที่ใช้ในการติดต่อท่าน เช่น ที่อยู่ (ที่อยู่ปัจจุบันในประเทศไทยและที่อยู่ตามทะเบียนบ้าน กรณีต่างที่อยู่), เบอร์โทรศัพท์ (โทรศัพท์เคลื่อนที่), อีเมล
  • ข้อมูลทางการเงินหรือข้อมูลการทำธุรกรรมของลูกค้ากับบริษัท เช่น หมายเลขบัญชีธนาคาร
  • ข้อมูลเกี่ยวกับการติดต่อระหว่างท่านกับบริษัท เช่น ทางโทรศัพท์, ทางอีเมล / จดหมาย
  • ข้อมูลที่เกิดจากการเชื่อมต่ออัตโนมัติ เช่น ผ่านการใช้ Cookies เมื่อท่านเข้าเยี่ยมชมเว็บไซด์ของบริษัท
  • ข้อมูลที่จัดว่าเป็น “ข้อมูลอ่อนไหว” เช่น ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับเชื้อชาติ, เผ่าพันธุ์, ความเห็นทางการเมือง, ความเชื่อในลัทธิ, ศาสนา หรือปรัชญา, พฤติกรรมทางเพศ, ประวัติอาชญากรรม, ข้อมูลสุขภาพ, ข้อมูลความพิการ, ข้อมูลสหภาพแรงงาน, ข้อมูลพันธุกรรม, ข้อมูลทางชีวภาพ (biometric data), หรือข้อมูลอื่นใดที่กระทบต่อสิทธิเสรีภาพของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล. ข้อมูลส่วนบุคคลที่จัดเป็นข้อมูลที่อ่อนไหวดังกล่าวจะถูกรวบรวมและใช้เฉพาะในกรณีที่จำเป็นเพื่อจัดหาผลิตภัณฑ์หรือบริการที่ท่านร้องขอ หรือเพื่อปฏิบัติตามภาระผูกพันทางกฎหมายของบริษัทและในกรณีที่บริษัทได้รับความยินยอมอย่างชัดแจ้งจากท่านในการประมวลผลข้อมูลดังกล่าว
  • ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลที่เกี่ยวข้องกับท่าน ซึ่งจำเป็นในการจัดหาผลิตภัณฑ์หรือบริการที่ตกลงกันไว้เช่น ชื่อ, วันเกิดสัญชาติ, หมายเลขบัตรประจำตัวประชาชน, หรือหมายเลขหนังสือเดินทางของคู่สมรส หรือผู้รับผลประโยชน์ของท่าน

กรณีที่ท่านได้ติดต่อผ่านตัวแทนจำหน่าย / นายหน้า / ตัวแทน ข้อมูลที่บริษัทเก็บรวบรวมและนำมาใช้ จะได้รับมาจากกลุ่มบุคคลดังกล่าว

เหตุผลในการเก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทให้ความสำคัญกับข้อมูลส่วนบุคคลของคุณอย่างจริงจัง และบริษัทเก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลที่เป็นส่วนบุคคลของท่านเท่าที่จำเป็น อย่างยุติธรรม และถูกต้องตามกฎหมายเท่านั้น บริษัทจะเก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลของท่านเฉพาะในกรณีที่บริษัทสามารถปฏิบัติตามกระบวนการเงื่อนไขที่ถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งกำหนดไว้ในกฎหมายคุ้มครองข้อมูล ดังนี้

  • ในกรณีที่จำเป็นต้องจัดหาผลิตภัณฑ์หรือบริการที่ท่านร้องขอเช่น หากท่านต้องการลงทุนในกองทุนหรือผลิตภัณฑ์ของบริษัท บริษัทจะต้องใช้ข้อมูลส่วนบุคคลบางอย่างซึ่งอาจรวมถึงชื่อ, ที่อยู่, วันเดือนปีเกิด, และรายละเอียดบัญชีธนาคารของท่าน
  • ในกรณีที่บริษัทจำเป็นจะต้องปฏิบัติตามข้อผูกพันทางกฎหมายหรือกฎข้อบังคับเช่น เพื่อส่งรายงานสถานะการลงทุนประจำปี, เพื่อแจ้งให้ท่านทราบเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงข้อกำหนดและเงื่อนไข หรือเพื่อตรวจหาและป้องกันการฉ้อโกง
  • เพื่อผลประโยชน์ที่ชอบด้วยกฎหมายของบริษัทโดยที่การกระทำดังกล่าวไม่ได้ละเมิดข้อมูลของท่านในฐานะเจ้าของข้อมูลเช่น เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการใหม่สำหรับลูกค้าของบริษัท
  • เพื่อประสิทธิภาพของงานซึ่งบริษัทจำเป็นที่ต้องดำเนินการเพื่อประโยชน์สาธารณะ
  • ท่านได้ให้ความยินยอมอย่างชัดแจ้งแก่บริษัทในการใช้ข้อมูลของท่านตามวัตถุประสงค์ที่ตกลงกัน ตัวอย่างเช่น

    กรณีที่บริษัทกำลังเก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลอ่อนไหวของท่านเพื่อการตลาดและการวิจัยบางประเภท และ หรือการติดต่อผ่านช่องทางโทรศัพท์

จากที่กล่าวมาข้างต้น บริษัทอาจจะใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เพื่อวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้:

  • การเปิดบัญชีรวมถึงข้อมูลในการตรวจสอบข้อมูลและข้อมูลเครดิต
  • การจัดการคำสั่งซื้อ
  • การจัดสรรหน่วยลงทุน
  • การรายงานกฎข้อบังคับและการปฏิบัติตามข้อกำหนด
  • คำขอบริการ (แก้ไข, สมัครแผนการลงทุนรายเดือน, บริการ FastTrack, บริการซื้อขายออนไลน์, ไถ่ถอน, ขาย, ปิดบัญชี และหนังสือรับรองหน่วยลงทุน
  • การสมัครหักบัญชีอัตโนมัติ
  • การยืนยันการจ่ายเงินปันผล
  • การตลาด รวมถึงการวิเคราะห์ และนำเสนอโปรโมชั่นโดยได้รับความยินยอมอย่างชัดแจ้งจากท่าน
  • การติดต่อผ่านโทรศัพท์ (การติดต่อเข้ามาจากลูกค้า และการติดต่อออกไปจากบริษัท) โดยท่านได้ให้ความยินยอมอย่างชัดแจ้ง

ท่านจะต้องให้ข้อมูลส่วนบุคคลตามที่กำหนดเพื่อดำเนินการโดยบริษัทหรือในนามของบริษัทตามที่อธิบายไว้ข้างต้น หากท่านไม่ยินยอมที่จะให้ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวแก่บริษัทตามประกาศนี้ บริษัทอาจไม่สามารถจัดหาผลิตภัณฑ์หรือบริการที่ท่านร้องขอหรือปฏิบัติตามข้อผูกพันตามสัญญาใด ๆ ของบริษัทที่มีต่อลูกค้าได้

การจัดการและการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทให้ความสำคัญและคำนึงถึงความปลอดภัยกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นอย่างมากและบริษัทมุ่งมั่นที่จะปฏิบัติตามภาระหน้าที่ตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคลใดๆที่บริษัทรวบรวมและใช้ในทางใดทางหนึ่งอยู่เสมอ บริษัทกำหนดมาตรการที่เหมาะสมในการจัดการและคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของคุณอย่างเหมาะสมดังต่อไปนี้

  • สร้างวัฒนธรรมองค์กรเพื่อส่งเสริมและสร้างความมั่นใจกับข้อมูลส่วนบุคคลทั้งหมดของท่านที่บริษัทจัดเก็บไว้
  • แต่งตั้งผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อดูแลจัดการข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอย่างเหมาะสม
  • กำหนดกฎเกณฑ์ภายในของบริษัทตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลและแนวทางปฏิบัติที่ออกโดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้แน่ใจว่ามีการจัดการข้อมูลส่วนบุคคลอย่างเหมาะสม
  • ให้ความรู้แก้พนักงานของเราเพื่อให้แน่ใจว่าพนักงานเข้าใจถึงความสำคัญของการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลและเข้าใจกฎเกณฑ์และแนวทางที่เกี่ยวข้องทั้งหมด
  • จัดตั้งทะเบียนการจัดการข้อมูลส่วนบุคคลและการบังคับใช้ข้อจำกัดที่เหมาะสมในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล
  • สร้างมาตรการรักษาความปลอดภัยที่เหมาะสมและสมเหตุสมผล (รวมถึงวิธีการจัดเก็บที่ปลอดภัยพร้อมการควบคุมการเข้าถึงข้อมูลอย่างจำกัด) เพื่อป้องกันการเข้าถึงข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาตหรือข้อมูลรั่วไหล, การทำลายหรือการเปลี่ยนแปลงข้อมูลส่วนบุคคล, การควบคุมความปลอดภัยของบริษัทจะสอดคล้องกับมาตรฐานอุตสาหกรรมและแนวทางปฏิบัติที่ดี, การจัดเตรียมสภาพแวดล้อมการควบคุมที่เหมาะสมซึ่งสามารถจัดการความเสี่ยงต่อการรักษาความลับ, ความสมบูรณ์ และความพร้อมในการใช้งานของข้อมูลส่วนบุคคล

การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลต่อบุคคลภายนอก

บริษัทอาจจะเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านต่อบุคคลภายนอกตามวัตถุประสงค์ที่ได้แจ้งไว้ใน “เหตุผลในการเก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน”

บริษัทจะเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านต่อบุคคลภายนอกในกรณีที่ต้องทำโดยชอบด้วยกฎหมายและสอดคล้องกับภาระหน้าที่ของบริษัทภายใต้กฎหมายคุ้มครองข้อมูล

บริษัทจะเปิดเผยข้อมูลของท่านต่อบุคลหรือองค์กรดังต่อไปนี้

  • ส่วนอื่น ๆของabrdn plc. (บริษัทย่อย, บริษัทแม่หรือบริษัทผู้ถือหุ้นรายใหญ่,หน่วยงานหรือองค์กรอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับบริษัททั้งปัจจุบันและอนาคต) ซึ่งสนับสนุนบริษัทในการจัดหาผลิตภัณฑ์และบริการต่างซึ่งท่านได้ถืออยู่
  • บริษัทต่างๆ และพันธมิตร ที่บริษัทได้คัดเลือกมาอย่างรอบคอบเพื่อสนับสนุนบริษัททั้งจากในประเทศและต่างประเทศ
  • หน่วยงานอ้างอิงเครดิตเพื่อวัตถุประสงค์ในการจัดทำการตรวจสอบเครดิตและพิสูจน์ตัวตน
  • ตัวแทนจำหน่ายของท่าน / นายหน้า / ตัวแทน ซึ่งจัดหาผลิตภัณฑ์ หรือบริการซึ่งท่านได้ตกลงไว้กับบริษัท
  • หน่วยงานกำกับดูแลของบริษัททั้งในและนอกประเทศไทย รวมถึง สำนักกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และหน่วยงานกำกับดูแลการเงินและสำนักงานคณะกรรมการข้อมูล (the Financial Conduct Authority and the Information Commissioner's Office (ICO)) ในสหราชอาณาจักร และหน่วยงานการเงินของสิงคโปร์ (UK and Monetary Authority of Singapore (MAS))
  • หน่วยงานที่ได้รับการแต่งตั้ง (หน่วยงานราชการ, หน่วยงานของรัฐ, หน่วยงานอื่นๆ) ซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบในการกำกับดูแลบริการ
  • หน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย เช่น เพื่อป้องกันและตรวจจับอาชญากกรมการดำเนินการตามกฎหมาย
  • บุคคลภายนอกอื่น ๆ ที่จำเป็นเพื่อสนับสนุนการปรับโครงสร้างองค์กรการควบรวมการควบรวมหรือการขายกิจการ

โดยการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านต่อบุคคลภายนอกดังกล่าว บริษัทจะต้องมั่นใจว่าบุคคลเหล่านั้นจะปฏิบัติต่อข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นความลับและจะไม่ใช้ข้อมูลดังกล่าวเพื่อวัตถุประสงค์อื่นใดนอกเหนือจากขอบเขตที่บริษัทกำหนด

บริษัทจะสั่งให้บุคคลภายนอกประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในนามของบริษัทในกรณีที่บริษัทได้รับการรับรองว่าบุคคลภายนอกจะจัดการและคุ้มครองข้อมูลของท่านอย่างเหมาะสมตามมาตรฐานที่กำหนดภายใต้กฎหมาย นอกจากนั้น ก่อนที่บริษัทจะให้และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านแก่ผู้ให้บริการดังกล่าว บริษัทจะดำเนินการทำสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษร โดยระบุว่าบุคคลภายนอกจะปฏิบัติอย่างเคร่งครัดตามขอบเขตการใช้งานของข้อมูลและเพื่อให้มั่นใจได้ว่าบุคคลเหล่านี้ได้ใช้ข้อมูลส่วนบุคคลอย่างถูกต้อง และบริษัทจะมีการตรวจสอบการปฏิบัติตามข้อกำหนดอย่างต่อเนื่องเป็นระยะ

ระยะเวลาในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล

เพื่อจัดหาผลิตภัณฑ์หรือการลงทุนให้กับท่าน และปฏิบัติตามภาระหน้าที่ตามกฎหมายและข้อบังคับของบริษัท บริษัทจะเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน และจัดทำสำเนาบันทึก (เช่น ข้อมูลการโทรติดต่อของท่านกับบริษัท) ในขณะที่คุณเป็นลูกค้าของบริษัท แม้ว่าภายหลังท่านจะไม่ได้มีความสัมพันธ์กับทางบริษัท บริษัทมีความจำเป็นต้องเก็บรักษาข้อมูลตามเหตุผลทางกฎหมายและข้อบังคับ ทั้งนี้ระยะเวลาในการเก็บรักษาข้อมูลอาจแตกต่างกันไปตามประเภทและวัตถุประสงค์โดยบริษัทจะมีการทบทวนระยะเวลาการเก็บรักษาข้อมูลอยู่เสมอ เพื่อกำหนดให้ระยะเวลาดังกล่าวสอดคล้องกับกฎหมายและข้อบังคับทั้งหมด เมื่อสิ้นสุดระยะเวลาการเก็บรักษาข้อมูล บริษัทจะดำเนินการลบข้อมูลหรือจัดทำให้อยู่ในรูปแบบของข้อมูลนิรนาม หรือข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนได้ ในบางกรณี บริษัทอาจจะไม่ต้องดำเนินการใด ๆ หากไม่สามารถจัดสรรข้อมูลให้กับบุคคลที่ระบุตัวตนได้เมื่อสิ้นสุดระยะเวลาการเก็บรักษาข้อมูล

สิทธิตามกฎหมายของท่าน

  1. ท่านมีสิทธิหลายประการภายใต้กฎหมายคุ้มครองข้อมูลซึ่งท่านสามารถเริ่มใช้สิทธิตามพรบ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ตามสถานการณ์ ดังต่อไปนี้
  2. สิทธิในการได้รับการแจ้งข้อมูลส่วนบุคคล
  3. สิทธิในการถอนความยินยอม
  4. สิทธิในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล
  5. สิทธิในการรับและโอนย้ายข้อมูลส่วนบุคคล
  6. สิทธิในการคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล
  7. สิทธิในการลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคล
  8. สิทธิในการขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล
  9. กรณีที่ท่านต้องการใช้สิทธิดังกล่าวข้างต้นตามกฎหมาย ท่านสามารถกรอกแบบฟอร์ม Data Subject Rights Request form และติดต่อบริษัทตามข้อมูลด้านล่าง

ช่องทางการติดต่อ

หากท่านต้องการสอบถามเกี่ยวกับประกาศความเป็นส่วนตัวนี้ หรือข้อมูลของท่านที่บริษัทได้เก็บรวบรวมและนำมาใช้ กรุณาติดต่อ:

สำนักคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน อเบอร์ดีน (ประเทศไทย) จำกัด
เลขที่ 179 อาคารบางกอกซิตี้ทาวเวอร์ ชั้น 28
ถนนสาทรใต้ แขวงทุ่งมหาเมฆ
เขตสาทร กรุงเทพฯ
10120
อีเมล: APAC.DPOffice@abrdn.com

การร้องเรียน

บริษัทจะพยายามรวบรวม, ใช้ และคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลเสมอ หากท่านไม่มั่นใจว่าบริษัทได้จัดการข้อมูลของท่านตามที่ระบุไว้ในประกาศความเป็นส่วนตัวนี้ กรุณาแจ้งให้บริษัททราบทันทีและบริษัทจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อการดำเนินการให้ถูกต้อง

บริษัทหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะสามารถแก้ไขข้อร้องเรียนต่างๆ ให้กับท่านได้ อย่างไรก็ดีท่านสามารถร้องเรียนไปยังหน่วยงานคุ้มครองข้อมูล เช่น สำนักกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)

หรือท่านสามารถติดต่อสำนักคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ตามที่อยู่ด้านล่างนี้:

สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (สำนักงานปลัดกระทรวง)
กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
120 หมู่ 3 ชั้น 6-9 อาคารรัฐประศาสนภักดี
ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550
ถนนแจ้งวัฒนะ แขวงทุ่งสองห้อง
เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ
10120

อีเมล: pdpc@mdes.go.th
เบอร์โทร: 66 2 142 1033